Mercedes Benz SL55 AMG R230 สปอร์ตโรดสเตอร์ในตำนานกับค่ายดาวสามแฉก ซึ่งถือเป็น รุ่นที่ 5 ของอนุกรม SL เปิดตัวครั้งแรกในปี 2001 ในงาน German Grand Prix ที่ Hockenheim เพื่อมาแทน R129 เริ่มจำหน่ายในปี 2003 นับเป็น SL รุ่นแรกที่เอาหลังคาแข็งเปิดประทุนมาใช้ตามแบบ SLK ที่ออกมาก่อนหน้านี้ เครื่องยนต์ SL มีหลายรุ่นแล้วแต่ตลาด โดยคันนี้ใช้เครื่องยนต์ SL55 AMG 5,439 cc พร้อม Supercharger V8 476PS & 700Nm Torque
Mercedes Benz AMG Version จะเป็นรถรุ่นพิเศษที่จัดได้รับการปรับแต่งโดยสำนัก AMG เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการความเป็นที่สุดจากรุ่นต่างๆของ Line การผลิต โดยจะมีเกือบทุกรุ่นตั้งแต่ C, E, S, CLS, SL, SLK เป็นต้น เพื่อต่อกรกับตระกูล M ของ BMW โดยเฉพาะ
ไฟหน้า Xenon ธรรมดา ยังไม่ฉลาดเหมือนรุ่น Major Facelift เพราะไม่เลี้ยวตามองศาพวงมาลัย
Foglamp เป็นอุปกรณ์มาตรฐานแต่ไม่ควรเปิดใช้ในเมืองเพราะแสงอาจจะไปรบกวนเพื่อนร่วมทางได้ ไฟออกสีขาวเหลือง
กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และมีระบบตัดแสงอัตโนมัติช่วยลดแสงจาก Xenon ของรถปัจจุบันได้ดี แต่ยังไม่ฉลาดเท่ารุ่นใหม่ๆที่มีเตือน Blind spot กระจกด้านซ้ายจะปรับมุมลงเวลาถอยจอดเพื่อป้องกันการขับจอดเบียดฟุตบาท จะทำงานถ้ากดปุ่มปรับกระจกในรถไว้ที่กระจกซ้าย ถ้ากดไว้ด้านขวามันจะไม่ปรับมุมลงให้
ด้านหน้าตรง ถ้าสังเกตดีๆจะเห็น Intercooler ข้างในครับ
ช่องระบายความร้อนพร้อมครีบเท่ๆ มี Emblem บอกรถคันข้างๆว่าเป็น V8 Kompressor ถ้าจะแหยมก็คิดดีๆนะ
เบรคหน้า AMG 8 POT ทำโดย Brembo พร้อมจานขนาด 360mm หนา 36mm
เบรคหลัง AMG 4POT ทำโดย Brembo พร้อมจาน ขนาด 330mm หนา 26mm
ตัวนี้มีโช๊คไฟฟ้าให้มาด้วย ปรับแข็งขึ้นถ้าเลือก Mode Sport รวมถึงปรับสูงต่ำของตัวรถได้
คันนี้มีระบบ Keyless entry และ ปุ่ม Start หัวเกียร์ แค่เอื้อมมือไปใกล้ๆ รถก็จะ Unlock แต่ถ้าจะ Lock รถก็กดปุ่มเอาครับ พอ Lock รถ กระจกมองข้างก็จะพับให้ครับ
ด้านท้ายพร้อมไฟท้ายแบบ Smoked พร้อม Emblem SL55 & AMG ที่หาได้ตามท้ายรถ SL350 & SL500 ที่เปลี่ยนชุดแต่ง SL55 แล้ว
ท่อไอเสียแบบคู่ออกซ้ายและขวา ยังไม่ฉลาดเท่า Porsche คือไม่มี Valve ปรับเสียงได้จากในรถ แต่เสียงออกทุ้มๆไม่แผด ไม่ดังมาก หนักแน่นแบบผู้ดีๆ
มาชมในส่วยของภายในของเจ้า Mercedes Benz SL55 AMG R230 กันบ้าง ก่อนอื่นเปิดประตูรถมาเราก็จะเจอกับ
สคัพเพลทสแตนเลส ตีตรา AMG มาตั้งแต่กำเนิด ถ้าตัวปกติจะเป็นคำว่า Mercedes Benz ครับ
เบาะสีเทาหนัง Nappa พร้อมระบบ Comfort Ventilate มีรูพร้อมปรับได้จะเอาร้อนหรือเย็น แต่เวลาเปิดพัดลมไม่แรงเท่า Camry นะครับ อันนี้แค่เย็นเบาๆ เอาแค่เหงื่อไม่ออกขาเวลาขับนานๆ
ในส่วนของ Seat belt ไม่มีระบบปรับให้เข้ากับสรีระแบบ CLS คือคาดยังไงก็อยู่อย่างนั้นเลย ไม่ดึงมารัดพุงทันที แต่ถ้าชนมีดึงกลับอัตโนมัติ
จะสังเกตุได้ว่ามีโลโก้ AMG ที่เบาะ ทั้งสองที่นั่ง เบาะนี้มีชื่อเต็มๆว่า Dynamic Multi Contour seats with Massage คือถ้าเลี้ยวแรงๆ ปีกเบาะจะปรับให้กระชับขึ้น กันคนเลื่อนหลุดออกจากเบาะ
ระบบปรับดันหลัง (Lumber support) ปรับปีกเบาะเผื่อคนอ้วนคนผอม และระบบนวด (Pulse) นวดเบาๆ ไม่ได้รู้สึกเท่าไหร่ เหมือนมีอะไรมาแตะหลังเฉยๆ ไม่เหมือนเบาะนวดที่บ้าน นวดได้ถึงใจมากกว่า
เบาะไฟฟ้าพร้อม Memory 3 ตำแหน่ง ที่จะจำ มุมกระจกข้าง ตำแหน่งเบาะ และตำแหน่งพวงมาลัย
เบาะปรับได้ทั้ง เลื่อนหน้า-หลัง ยกขึ้น ปรับมุมเงย ปรับหมอนรองหัว ปรับฐานเบาะเพื่อรองรับกับความยาวขาที่ต่างกัน
ข้างๆที่ปรับเบาะจะเป็นปุ่มเปิดกระโปรงท้ายจากในรถ ถ้าไม่ดึงตรงนี้ ไปเปิดจากท้ายรถได้เลย มีแป้นดึงอยู่เหนือทะเบียน
ปุ่ม 2 อันข้างหน้าเป็นปุ่มปรับเบาะร้อนเย็น สวิตช์กระจกไฟฟ้าเป็นแบบออโต้ดึงสุดหรือกดสุดกระจกจะขึ้นลงให้จนสุด
สวิตซ์ไฟ มีปิด Auto เปิดตัดหมอก หน้าหลัง ไฟจอด และระบบล้างไฟหน้า และที่ดึงปลดเบรคมือ (เท้า) ถ้าเป็นรถรุ่นใหม่ๆ จะไม่มีให้เลือกปิดนะครับ จะมีแต่ Auto เท่านั้นอยู่ตรงกลางเลย
พวงมาลัย 4 ก้านทรงโบราณๆหน่อย หนังแท้หุ้มทั้งวง ไม่มีแซมด้วยวัสดุ Alcantara ถ้าเป็นตัว Minor ปี 2008 จะเป็น 3 ก้านทรงเหมือน E Coupe W207 ก่อน Minor ด้านหลังพวงมาลัยเป็นปุ่มเพิ่มลดเกียร์ตอนปรับเป็นโหมดแมนนวล กดปุ่มด้านซ้ายของพวงมาลัยลดเกียร์ ปุ่มด้านขวาเพิ่มเกียร์ นอกนั้นยังมี ก้านไฟเลี้ยว ไฟสูง พร้อมที่เปิดที่ปัดน้ำฝน (บิดเอา) ก้านปรับ Cruise control และก้านปรับพวงมาลัยโดยปรับได้ทั้งสูงต่ำและยืดหด
หน้าปัด วงกลมใหญ่ 2 วง ในแต่ละวงมี On board ไว้ปรับค่าต่างๆ แถมมีบ่งบอกว่าเป็น V8 Kompressor & AMG ด้วยนะ ขอบด้านในบุหนัง Alcantara ให้อารมณ์สปอร์ต
สำหรับวิทยุก็เหมือนทั่วๆไป สามารถรับ สัญญาณ TV ได้ และมี Navigator ถ้าใส่แผ่น DVD เข้าไปที่เครื่อง แต่เนื่องจากเป็นรุ่นเก่า จอเล็ก แผนที่ก็จะไม่ได้อัพเดทอาจจะไม่ทันสมัยเหมือนรถในปัจจุบัน
อันนี้ไว้ปรับช่องแอร์ของฝั่งคนนั่ง คนขับ ข้างบนเป็น Front sensor บอกระยะด้านหน้าว่าใกล้ชนหรือยัง รวมถึงปุ่มล๊อคและปลดล๊อคประตู
ปุ่มสตาร์ทหัวเกียร์ ต้องเหยียบเบรคถึงจะสตาร์ทได้ จะกดดับเครื่องก็ต้องอยู่เกียร์ P
ส่วน Mode ต่างๆก็จะมีให้เลือกดังนี้
- รูปรถแล้วมีลูกศรคือ ยกรถขึ้น
- ตรงกลางไว้ปรับกระจก ถ้ากดไว้ที่รูปกระจกซ้าย ตอนถอยหลังจะปรับมุมลงต่ำ ปุ่มข้างล่างไว้พับกระจก
- อันถัดมาเป็น Mode สำหรับ Tow รถ
- ABC Sport คือ Active Body Control จะเพิ่มเสถียรภาพของรถโดยลดการโคลงตัว โดยปรับช่วงล่างตามการขับขี่ รวมถึงปรับความสูงของรถด้วย
- ESP Off คือปิด Mode ตัดกำลังตอนล้อ Slip อยากดริฟก็กดปุ่มนี้ไปเลยครับ
- ข้างๆเกียร์ด้านซ้ายเป็นการเลือกโหมด S (Standard) C (Comfort) M (Manual)
- ข้างๆเกียร์ด้านขวาเป็นการปิดโหมดเตือน Sensor รอบคันครับ
ระบบแอร์สามารถแยกควบคุมได้ 2 ส่วน มีทั้งระบบทำความเย็น และฮีตเตอร์
ข้างหลังมี Dog seat ซึ่งค่อนข้างแคบพอสมควร เหมาะสำหรับไว้วางของเสียมากกว่า ตรงที่เหมือนจะเป็นที่นั่งเล็กๆด้านหลังเบาะนั่ง กดปุ่มเปิดได้ ข้างใต้จะเป็นกล่องเก็บของและกล่อง CD Changer ครับ
ตรงเบาะมีลูกเล่นอยู่นิดหน่อย ตรงที่ถ้าจะเข้าไปเบาะหลัง ไม่ว่าจะไปนั่งขดตัวเล่น หรือหยิบของ ใช้กดปุ่มเอา เบาะก็จะทั้งพับมาข้างหน้าและเลื่อนมาด้วย จะเลื่อนกลับที่เดิมก็กดอีกปุ่มนึง ไม่ต้องออกแรง อันนี้น่าจะรวมอยู่ใน Memory Package
ในส่วนสุดท้ายเรามาดูรายละเอียดของเครื่องยนต์ขุมพลังของเจ้า SL55 AMG กันหน่อย
SL55 AMG คันนี้ เป็นที่สุดของตระกูล SL ในเครื่อง V8 จะมีตัวโหดคือ SL65 เครื่อง V12 อีกตัว
ถ้าสังเกตชื่อรุ่น AMG จะใช้เลข 2 ตัวกำหนดขนาดความจุกระบอกสูบ ในขณะที่รุ่นปกติจะใช้เลข 3 ตัวเป็นตัวกำหนดความจุ
คันนี้ SL55 จะมีความจุประมาณ 5500 cc มีแรงม้าประมาณ 476 แรงม้า (ถ้าเป็นรุ่นระหว่าง 2006 – 2008 จะมีแรงม้า 517 แรงม้า) มีแรงบิด 700 Nm (รุ่น 2006 – 2008 มีแรงบิด 720 Nm)
คันนี้สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม ได้ใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกตอนไว้ที่ 255 กม/ชม แต่สามารถปลดจนได้ความเร็วสูงสุดจริงๆ 299 กม/ชม.
เครื่องตัวนี้เป็นบล๊อคอลูมิเนียม SOHC มี 3 Valve ต่อสูบ รวมแล้ว 24 Valve แต่มีหัวเทียน 2 หัวต่อ 1 ลูกสูบ หรือ Twin plug อุปกรณ์ภายในเป็น Forged เพื่อรองรับกำลังที่สูง โดยลูกสูบมีขนาด 97mm ช่วงชัก 92mm ถือว่าเป็นเครื่องช่วงชักสั้น รอบสูงสุด 7000 รอบต่อนาที
เครื่องตัวนี้มี Intercooler 2 ตัวเพื่อลดอุณหภูมิของอากาศหลังถูก Supercharger บีบอัดก่อนเข้าเครื่อง
จะสังเกตุได้ว่าบนฝาเครื่องนั้นจะมีเพลท AMG อยู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าตัวนี้เป็นตัวพิเศษ และหายากพอสมควรในปัจจุบัน
แต่ถ้าหากคุณผู้อ่านสนใจอยากเป็นเจ้าของแล้วละก็ทาง Apple Luxury Car ขอนำเสนอกับ Mercedes-Benz SL55 AMG R230 ปี 2003 ซึ่งราคาร่วงมาจากมือหนึ่งออกศูนย์เป็นอย่างมาก ด้วยราคาเพียงแค่ 2,290,000 บาท เท่านั้น ท่านผู้อ่านก็จะได้รถคันนี้ไปใช้งาน หรือสะสมเป็นคอลเลคชั่นส่วนตัวกันได้เลย