BMW Z4 sDrive23i รถหรูสายสปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุนรุ่นเก๋า..!!

23/03/2019 admin

BMW Z4 sDrive23i รถหรูสายสปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุนรุ่นเก๋า..!! | Apple Luxury Car โชว์รูมรถหรูมือสอง

ในข่วงที่กระแสความนิยมที่กลับมาอีกครั้งของรถแบบโรดสเตอร์ในยุด 90 จากความสำเร็จของมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5(Mazda MX-5) ทำให้รถยนต์หลากหลายค่ายต่างๆ เริ่มฟื้นโปรเจคต์รถเล็กหลังคาเปิดประทุนได้ออกมามัดใจลูกค้า ซึ่งหนึ่งในค่ายที่มีตำนานยาวนานกับรถแบบโรดสเตอร์อย่าง บีเอ็มดับเบิลยู(BMW) นั้นย่อมไม่พลาดการเข้าชิงส่วนแบ่งการตลาดนี้

ค่ายใบพัดฟ้าขาวกลับมาทำตลาดรถสปอร์ตขนาดเล็กหลังคาเปิดได้ ด้วยรุ่น แซด3 ( Z3) ในปี 1997 เพื่อออกมาต่อกรกับคู่แข่งร่วมชาดิอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ปล่อย เอสแอลเค (SLK) ออกสู่ตลาดในเวลาไล่เลี่ยกัน โดย แซด3 เปิดตัวด้วยการไปอยู่ในหนังฟอร์มยักษ์อย่าง เจมส์ บอนด์ 007 ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีเลยทีเดียว

สำหรับเมืองไทย บีเอ็มดับเบิลยู นำแซด3 เข้ามาทำตลาดด้วยเช่นกัน แม้ยอดขายจะไม่มากมาย แต่ค่ายใบพัดฟ้า-ขาวก็ยังคงยืนหยัดทำตลาดเจ้าโรดสเตอร์คันนี้มาโดยตลอดจนถึงเจนเนอเรชั่นล่าสุดในชื่อ แซด4 (Z4) ที่เผยโฉมอย่างเป็นทางการในไทยไปเมื่องานมอเตอร์ โชว์ ช่วงต้นปี2552

แซด4 โฉมปัจจุบันนับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของ แซด4 (รหัส E89)โดยมีการเปลี่ยนแปลงการเรียกชื่อรุ่นย่อยแบบเต็มยศใหม่เป็น แซด4 เอสไดร์ฟ 23ไอ (Z4 sDrive 23i) ตามการเปลี่ยนการเรียกชื่อรถหลายรุ่นของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก

Z4 ใหม่ มีขนาดตัวถังยาว 4,091 มิลลิเมตร กว้าง 1,781 มิลลิเมตร สูงเพียง 1,299 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อสั้นเพียง 2,495 มิลลิเมตร ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ถือว่าสั้น เพราะขาดอีกเพียง 5 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อก็จะเท่ากับ Toyota Vios รุ่นแรก ส่วนน้ำหนักตัว ในโหมด Unladen weight ตามมาตรฐานของ EU อยู่ที่ 1,480 กิโลกรัม  และสามารถแบกน้ำหนักบรรทุกได้เพิ่มอีก เพียง 330 กิโลกรัม ทำให้น้ำหนักตัว รวมของเหลว และน้ำหนักบรรทุกเต็มพิกัด จะอยู่ที่ 1,760 กิโลกรัม

ภายนอก สวยทันสมัยสไตล์คูเป้

รูปโฉมภายนอกได้รับการออกแบบใหม่หมด ปรับแต่เส้นสายต่างๆให้ดูโค้งมนกลมกลืนมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่โดนวิจารณ์จากเหล่าบิมเมอร์ว่า เหมือนรถสร้างไม่เสร็จหลายอย่างไม่ลงตัว แต่สำหรับโฉมปัจจุบันได้รับเสียงตอบรับทางด้านดีมากมาย รวมถึงคว้ารางวัลRed Dot Design Award และดีไซน์ยอดเยี่ยม Eyes On Design Award มาการันตีด้านความสวยงาม

“สัดส่วนแห่งความคลาสสิกของรถแบบโรดสเตอร์ คือ ด้านหน้ายาว ด้านท้ายสั้น และราบต่ำ
ซึ่งเป็นเคล็ดลับและมนต์ขลังของโรดสเตอร์พันธุ์แท้ BMW Z4 ได้รับการถ่ายทอดแรงบันดาลใจ จาก BMW 507
ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นโรดสเตอร์ที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์คันหนึ่ง จะเห็นได้จากแนวฝากระโปรงหน้า
ที่งุ้มลงแบบ ‘จมูกฉลาม’ ซึ่งให้ความรู้สึกที่ดุดัน น่าเกรงขาม ในขณะเดียวกันก็จะใช้ลายเส้น ที่ปราณีต
และเน้นความต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์ความสง่างาม เช่น ลายเส้นบนฝากระโปรงหน้าที่เริ่มจากโลโก้
บีเอ็มดับเบิลยู ลากยาวตลอดบนแนวฝากระโปรง และต่อเนื่องผ่านแนวหลังคา สู่ฝากระโปรงด้านหลัง

อีกเสน่ห์หนึ่งของดีไซน์ของ BMW Z4 ใหม่อยู่ที่การใช้พื้นผิวเพื่อขับเน้นความคมคายของคาร์แรคเตอร์ของ
BMW Z4 เช่น ลายเส้นส่วนที่เริ่มจากแนวไฟหน้าลากยาวผ่านพื้นผิวแนวโค้งด้านบนของฝากระโปรงหน้า
ต่อเนื่องรับกับแนวเว้าคอดเพื่อขับเน้นความคมคายของสันของแนวของประตู จากนั้นก็พลิกเปลี่ยนกลับสู่
พื้นผิวแบบโค้งในส่วนของโป่งซุ้มล้อหลังที่แสดงออกถึงความกำยำเสมือนมัดกล้ามของนักกีฬาชั้นยอด
จากความลงตัวของทั้งสามส่วนทำให้ BMW Z4 สามารถผสมผสานได้อย่างลงตัวระหว่างความคลาสสิก
และความล้ำสมัย และความดุดันและความสง่างาม”

จุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ กระโปรงหน้ายาว มีเหตุผลมากจากการเลือกใช้เครื่องยนต์แบบ 6 สูบแถวเรียงที่ค่ายใบพัดฟ้าขาวบอกว่าเป็นเครื่องยนต์ที่เหมาะกับรถแบบโรดสเตอร์มากที่สุด เนื่องจากมีน้ำหนักที่พอเหมาะ พละกำลังเหลือเฟือ ทำให้ แซด4 มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่สมดุล 50:50

นอกจากนั้น แซด4 ยังเป็นรถรุ่นแรกของโรดสเตอร์ของบีเอ็มดับเบิลยู ที่มาพร้อมกับหลังคาแข็งอะลูมิเนียมพับได้ เปิด-ปิดหลังคาภายในเวลาเพียง 20 วินาที และโครงร่างของเส้นหลังคาเมื่อปิดหลังคาแล้วยังได้ถอดแบบเค้าโครงของรถคูเป้ ด้วยกระจกข้างและหลังที่ให้มุมมองกว้างไกล

ภายใน สปอร์ตและแคบ

สำหรับการออกแบบภายในของแซด4 โดยความเห็นส่วนตัวของเราค่อนข้างชอบมากเป็นพิเศษดูลงตัว เบาะนั่งหนังแท้โอบกระชับ แต่บางคนอาจจะบ่นว่าแคบไปเพราะจะเป็นการนั่งพอดีตัว โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสภาวะปิดหลังคา ศีรษะของผู้ขับและผู้โดยสารเกือบจะติดหลังคาเลยทีเดียว

ตำแหน่งของปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ อยู่ในจุดใช้งานง่าย ปุ่มปรับแอร์ทรงกลมเรียงสี่อันที่หน้าคอนโซล พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าหุ้มด้วยหนังแท้ คอนโซลหน้าหนังสีดำสลับด้วยอะลูมิเนียม ให้ความรู้สึกสปอร์ตเต็มๆ พร้อมด้วยแป้นหลังพวงมาลัย (Shift paddles) สำหรับการปรับเปลี่ยนเล่นเกียร์แบบเกียร์ธรรมดา

คอนโซลกลาง ใช้วัสดุสีเงินอะลูมีเนียมเป็นหลัก พร้อมกับวางเกียร์และปุ่มปรับโหมดของการขับเคลื่อน 2 แบบคือ Normal และ Sport เอาไว้ซึ่งเราจะกล่าวถึงในช่วงการทดลองขับ รวมถึงมีปุ่มเบรกมือแบบไฟฟ้าจัดวางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะเจาะ

เครื่องยนต์ แรงเอาใจบิมเมอร์

หัวใจของแซด4 บรรจุเครื่องยนต์แบบ 6 สูบแถวเรียงขนาดความจุ 2,497 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ 6400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 2750 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบสเตปทรอนิค(เล่นเกียร์ได้เหมือนเกียร์ธรรมดา) อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 7.3 วินาที

สมรรถนะ แรงสมสปอร์ตโรดสเตอร์

เรามีโอกาสขับเจ้าแซด4 โฉบฉี่ยวไปทั้งแบบในเมืองและนอกเมือง ซึ่งการขับแบบในเมืองจะสร้างความสุขให้กับหนุ่มๆ มากเป็นพิเศษด้วยความรู้สึกที่ไม่ว่าขับไปไหนมักจะมีคนมองตลอดเวลา โดยเฉพาะเหล่าสาวๆ ทั้งในย่านสยามสแควร์หรือย่านมหาวิทยาลัยหลายแห่ง

เรียกว่า หากคุณขับแซด4ไป เวลาจอดและลงมาจากรถจะถูกจับจ้องจากคนรอบข้างอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าใครเป็นคนขี้อายแล้วสงสัยว่าแซด 4 อาจจะสร้างความไม่ชอบใจให้สักเท่าไหร่

ช่วงแรกเราขับในโหมด Normal เป็นการขับแบบในเมือง แซด 4 มีความคล่องตัวสูงด้วยคุณสมบัติของพวงมาลัยไฟฟ้าและรัศมีวงเลี้ยวแคบทำให้การบังคับควบคุมแม่นยำ จังหวะเปลี่ยนเลนภายใต้การจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ สะดวกคล่องแคล่ว แต่ทัศนวิสัยอาจจะเป็นอุปสรรคอยู่บ้างสำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับการขับรถสปอร์ต เนื่องจากกระจกหน้ามีขนาดเล็ก กระโปรงหน้ารถยาว ทำให้การกะระยะต้องใช้ทักษะพอสมควร

ด้านการตอบสนองของเครื่องยนต์หลังเหยียบคันเร่งคิกดาวน์ เรารู้สึกว่า แทบจะไม่ต่างความแรงที่เราได้รับจากการขับซีรี่ส์ 3 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลและ รู้สึกว่า 325 โฉมคูเป้ตอบสนองความแรงที่ถึงใจเรามากกว่า ทำให้เลยคิดไปว่า นี่หรือคือรถสปอร์ต ทำไมความแรงมันไม่ต่างจากรถซีดานเลย หรืออาจจะเป็นเพราะเราตั้งความหวังไปไว้มากเกินไป

หากมองในแง่ดี แซด4 เป็นรถสปอร์ตที่ขับขี่เหมือนรถซีดานก็ได้ ส่วนความเร็วสูงสุดที่เราลองขับเมื่อได้ออกไปวิ่งทางยาวๆ แบบนอกเมืองคือ ราว 160 กม./ชม. ยังคงอุ่นใจกับการเกาะถนนเต็ม 100% เสียงลมเริ่มดังเข้ามารบกวนภายในห้องโดยสารเมื่อความเร็วทะลุเกิน 140 กม./ชม.ขึ้นไป

ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้โหมด Normal แต่แล้วเมื่อเราเปลี่ยนโหมดการขับขี่เป็น Sport ความรู้สึกในการขับเปลี่ยนไปทันที เพียงแค่ติดเครื่องรออยู่ในเกียร์ 1 เจ้าแซด4 ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนอยากจะกระโจนออกไปข้างหน้าตลอดเวลา

ยิ่งเมื่อเราคิกดาวน์ คราวนี้ พละกำลัง 204 แรงม้า เหมือนพุ่งออกมาตอบสนองอยู่อย่างต่อเนื่องไม่มีหมด ความรู้สึกสนุกของการขับรถสปอร์ตในจินตนาการกำลังแสดงผลงานให้เห็นภายใต้การบังคับควบคุมของเรา น้ำหนักของพวงมาลัยยังคงแม่นยำไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียงการตอบสนองของคันเร่งที่แม้เรากดไปเพียงเล็กน้อย แซด4 พร้อมพุ่งทะยานออกตัวแบบหลังติดเบาะนิดๆ

ซึ่งเจ้าความรู้สึกแบบนี้เองที่ทำให้ แซด4 ถูกตาต้องใจเราแต่มันก็คงต้องแลกมาด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันที่หนักหนากว่าการขับแบบปกติในโหมด Normal ที่ทำตัวเลขเฉลี่ย (ก่อนปรับมาเป็นโหมดSport) อยู่ที่ระดับเกือบ9 กม./ลิตร ทั้งนี้หลังจากหันมาขับในโหมด Sport แล้วตัวเลขเฉลี่ยรวมขยับปรับเปลี่ยนไปอยู่ที่ราว 7 กม./ลิตร


สรุป

ด้วยราคารถใหม่ 4.599 ล้านบาท ของแซด 4 เอสไดร์ฟ 23ไอ ตอบโจทย์ให้กับเศรษฐีผู้ชอบความโดดเด่นและแตกต่าง จากรูปทรงภายนอกอันโฉบเฉี่ยวโดนใจและหากคุณได้ลองขับทั้งโหมด Normal และ Sport แล้ว เชื่อเถอะว่าคุณจะประทับใจมันจนอยากจะควักเงินให้ในทันที 

แต่ถ้าหากคุณผู้อ่านสนใจอยากเป็นเจ้าของแล้วละก็ ทาง Apple Luxury Car ขอนำเสนอกับ BMW Z4 2.5 E89 sDrive23i ปี 2010 ซึ่งราคาร่วงมาจากมือหนึ่งออกศูนย์เป็นอย่างมาก ด้วยราคาเพียงแค่ 1,550,000 บาท เท่านั้น เรียกได้ว่าได้ลุคหรูสปอร์ต ยุค 90 ในราคาเท่ารถญี่ปุ่นกันเลย

เข้าชม BMW Z4 2.5 sDrive23i ปี 2010 มือสอง คลิกเลย!!!

สามารถติดต่อได้ที่ Apple Luxury Car โชว์รูมรถมือสอง

Tel : 080-24-11111

Line : darunee4043

ขอขอบคุณข้อมูลจาก –mgronline.com
Tags : , , , , , , , , ,
แสดงความคิดเห็น